วาณิชธนากร หรือที่รู้จักกันในชื่อ Investment Banker (IB) คือที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้สามารถให้การบริการทางการเงินแบบมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญ และเสนอข้อมูลเชิงลึกทางการเงินที่คุณอาจไม่ทราบ อีกทั้งที่ปรึกษาทางการเงินยังมีเวลา ความรู้เฉพาะทาง เครื่องมือวิจัย และประสบการณ์ที่คุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถสร้างกลยุทธ์และหาทางออกที่แฝงอยู่ในธุรกิจ หากแต่คุณเองยังไม่เคยค้นพบมาก่อน

ลองนึกภาพที่ปรึกษาทางการเงินเป็นเหมือนโค้ชออกกำลังกาย บทบาทของโค้ชคือทำให้คุณออกกำลังกายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปจนกว่าจะถึงเป้าหมาย เขาคอยสอดส่องตารางการออกกำลังของคุณ กำหนดมื้ออาหาร และติดตามความคืบหน้าของคุณอย่างรอบคอบจนกระทั่งคุณทำสำเร็จ

Investment Banker ทำหน้าที่อะไร?

ธนาคารเพื่อการลงทุนที่ให้บริการเต็มรูปแบบเสนอบริการที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการรับประกันภัย การควบรวมกิจการ (M&A) การขายและการซื้อขาย (Sales and Trading) การวิจัยหุ้น (Equity Research) การจัดการสินทรัพย์ การธนาคารพาณิชย์ และการธนาคารเพื่อรายย่อย ธนาคารให้คำปรึกษาตั้งแต่การเลือกเครื่องมือทางการเงิน และทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักลงทุน (ที่มีเงินลงทุน) และบริษัทต่าง ๆ (ที่ต้องการเงินทุนในการเติบโตและดำเนินธุรกิจของตน)

ธนาคารเพื่อการลงทุนให้บริการแก่รัฐบาล บริษัท และสถาบันต่าง ๆ โดยให้บริการให้คำปรึกษาด้านการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และการควบรวมกิจการ (M&A) ธนาคารทำงานร่วมกับทั้งบริษัทเอกชนและบริษัทมหาชนเพื่อช่วยให้พวกเขาออกสู่สาธารณะ (IPO) ระดมทุนเพิ่มเติม ขยายธุรกิจ เข้าซื้อกิจการ ขายหน่วยธุรกิจ และจัดทำวิจัยให้พวกเขา และคำแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับการเงินขององค์กร ธนาคารยังทำงานร่วมกับบริษัทไพรเวทอิควิตี้เพื่อช่วยให้พวกเขาได้บริษัทที่มีพอร์ตโฟลิโอและออกจากตำแหน่งเหล่านั้นโดยการขายให้กับผู้ซื้อเชิงกลยุทธ์หรือผ่านทางการเสนอขายหุ้น (IPO)

ทำไมบริษัทของคุณควรเป็นหุ้นส่วนกับ Investment Banker?

เนื่องจาก IB เชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำทางการเงินแก่ลูกค้า โดยพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของ IB เอง และความต้องการหุ้นส่วน นอกจากนั้น IB ยังสามารถช่วยให้บริษัทของคุณบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้หลายวิธี เนื่องจาก

• Action หรือ การลงมือทำ – หลายคนไม่ทำตามขั้นตอนการจัดการด้านการเงินที่พวกเขาควรทำ เพราะพวกเขายุ่งเกินไปหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับขั้นตอน หากทำงานกับ IB เท่ากับว่าคุณจะได้ผู้ช่วยทำงานในส่วนที่คุณไม่มีเวลาจัดการ เพื่อที่คุณจะสามารถมุ่งจัดการกับแกนหลักของธุรกิจคุณ โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Investment Banker ในการเพิ่มกระแสเงินสดให้กับธุรกิจของคุณ
• Expertise หรือ ความเชี่ยวชาญ – พวกเขาสามารถแนะนำตัวเลือกที่ดีกว่าที่คุณจะทำด้วยตัวเอง
• Networks หรือ เครือข่าย – IB ใช้เครือข่ายและความสัมพันธ์ที่กว้างขวางเพื่อค้นหาโอกาสและช่วยเจรจาในนามของลูกค้า ธนาคารให้คำแนะนำในการทำธุรกรรม M&A ทั้งสองด้าน ซึ่งเป็นตัวแทน “ฝั่งซื้อ” หรือ “ฝั่งขาย” ของข้อตกลง

โดยสรุป เมื่อคุณมีหุ้นส่วนเป็น Investment Banker (IB) คุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของคุณ ในขณะที่ฝ่ายบริหารจะได้มีเวลามากขึ้น เพื่อทุ่มเทให้กับสิ่งที่ดีที่สุดต่อบริษัท และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ