
หุ้นสามัญ
หุ้น NSL ธุรกิจเบื้องหลังแซนด์วิชใน 7-Eleven กับการเติบโตในตลาดอาหารพร้อมรับประทาน [FynnCorp IAS Equity Research]
อ่าน 4 นาที
บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) [Ticker: NSL]
กลุ่มอุตสาหกรรม: เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
หมวดธุรกิจ: อาหารและเครื่องดื่ม (FOOD)
% ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 25 เม.ย. 68: 26.92%
ช่วงราคา 52 สัปดาห์ ต่ำ/สูง (บาท): 37.25/ 25.00
Key Highlights
- NSL เป็นผู้นำในตลาดอาหารพร้อมรับประทาน ด้วยจุดแข็งในการพัฒนาแซนด์วิชและสินค้า OEM ให้กับ 7-eleven เช่น แซนด์วิช, เบเกอรี่, อาหารแช่เย็น และ ขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ Ezy Taste, Ezy Sweet, Ezy Bake และ EZYGO ซึ่งเป็นแบรนด์ของ CPALL ( 7-Eleven )
- มีแบรนด์สินค้าของตัวเอง เช่น ข้าวแท่ง, ปังไท, NSL Bakery, Natural Bite ฯลฯ
- มีบริษัทในเครือ เช่น NSL Inno Foods, NSL Intertrade เพื่อเชื่อมต่อ Supply Chain ของตัวเอง และรองรับธุรกิจ B2B, B2C
แนวโน้มอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน

ภาพแสดงขนาดตลาดและการเติบโตของอาหารพร้อมทานในประเทศไทย | ข้อมูลจาก Statista
ในปี 2025 ตลาดอาหารในประเทศไทยมีขนาดตลาดอยู่ที่ประมาณ 2,400 พันล้านบาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 32.65 บาท) โดยเป็นตลาดอาหารพร้อมรับประทานประมาณ 82 พันล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การเติบโตของตลาดอาหารพร้อมรับประทานนี้คาดว่าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 9.56% ระหว่างปี 2025 ถึง 2030 อันมีปัจจัยสนับสนุนหลักได้แก่ วิถีชีวิตของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายในการรับประทานอาหาร รวมถึงการขยายตัวของช่องทางจำหน่ายทั้งในรูปแบบหน้าร้านและออนไลน์
ดังนั้น ตลาดอาหารพร้อมรับประทานในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคของการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่ของมูลค่า ปริมาณ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
Company Background

ภาพแสดงเส้นทางการเติบโตของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
ปี 2003
-เริ่มธุรกิจภายใต้ชื่อ “Dough Maker” ที่ จ.นนทบุรี
ปี 2006
– ก่อตั้งบริษัท NSL Foods Company Limited อย่างเป็นทางการ
– เริ่มผลิตและจัดส่งสินค้าให้กับ 7-Eleven ตั้งแต่ปี 2549 โดยเริ่มจากการเป็น OEM ผลิตแซนด์วิชอบร้อน
ปี 2013
– ย้ายฐานการผลิตจากนนทบุรีไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี
ปี 2015
– ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม เปิดโรงงานแห่งที่สองในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร
ปี 2019
– เข้าซื้อกิจการ Quality Specialty Co., Ltd. เพื่อรุกตลาด Food Services
– เสริมพอร์ตสินค้าแช่แข็ง อาหารทะเล และเนื้อสัตว์
ปี 2021
– เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ปี 2022
– เปิดตัวแบรนด์ “Rice Bar” ข้าวแท่งพร้อมรับประทาน
ปี 2023–2024
– ขยายกลุ่มธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ได้แก่:
NSL Intertrade Co., Ltd. → ธุรกิจส่งออก
NSL Bake A Wish Co., Ltd. → เบเกอรี่แบรนด์ “Bake A Wish”
NSL Inno Foods Co., Ltd. → ธุรกิจนวัตกรรมอาหาร เริ่มจากการผลิตชีส
– ขยายกลุ่มธุรกิจผ่านการเข้าซื้อเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินสำคัญอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ได้แก่:
NB Value Link Co., Ltd. → เครื่องหมายการค้า ผลไม้กระป๋อง, น้ำมะพร้าว, กะทิ
– ขยายโรงงานผลิต Food Services แห่งใหม่ที่ บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ธุรกิจทั้งหมดในปัจจุบันภายใต้ NSL Foods Company Limited

ภาพแสดงภาพรวมธุรกิจของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM)
- NSL เป็นผู้รับผลิตอาหารให้กับ 7-Eleven ภายใต้แบรนด์ของ CPALL เช่น Ezy Taste, Ezy Sweet, Ezy Bake และ EZYGO โดยเน้นอาหารพร้อมรับประทานทานและขนมเบเกอรี่ อาทิ แซนวิชแช่เย็น, แซนวิชอบร้อน, เบอร์เกอร์, อาหารรองท้อง และขนมหวานต่างๆ ซึ่งครอบคลุมกว่า 60-70 เมนู และมีการพัฒนาสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น สินค้าฮาลาลและการทำ Co-brand กับ Kitkat และแบรนด์เนื้อแท้
- นอกจากกลุ่มสินค้า OEM สำหรับ CPALL แล้ว NSL ยังรับจ้างผลิตสินค้าเบเกอรี่ อาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทานให้กับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ซึ่งต้องการสินค้าที่มีมาตรฐานคุณภาพคงที่ รองรับการขยายสาขาในหลายพื้นที่ ตัวอย่างสินค้าที่ผลิตให้ลูกค้ากลุ่มนี้ ได้แก่ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น สตูว์เนื้อ โบโลเนสซอส และเมนูพร้อมปรุงอื่น ๆ
ธุรกิจภายใต้แบรนด์ของตนเอง (Own Brand)
- NSL ได้สร้างแบรนด์ของตนเองเพื่อกระจายความเสี่ยงจาก OEM และเพิ่มมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว เช่น – ปังไทย: ขนมอบกรอบสไตล์ไทย เช่น พายแท่ง พายพริก – ข้าวแท่ง (Rice Bar by NSL): ข้าวพร้อมทานแบบแท่งที่ถือกินได้ง่าย เจาะกลุ่มคนทำงานและเด็ก – NSL Bakery: กลุ่มขนมสไตล์ต่างประเทศ เช่น ทองม้วนหลากสี ทาร์ตสไตล์ไต้หวัน พายสตรอเบอร์รี่ – NSL Selection: เค้ก เบเกอรี่ และของหวาน ร่วมพัฒนาสินค้ากับ Bake A Wish เพื่อขายใน 7-Eleven – Natural Bite, Golden Bay, The Amber: สินค้าสุขภาพหรือขนมอบพรีเมียมที่วางขายผ่าน MT/TT
ธุรกิจ Food Service
- NSL รุกเข้าสู่ตลาด Food Service ตั้งแต่ปี 2019 มุ่งเน้นการจัดหาและแปรรูปวัตถุดิบอาหารสำหรับกลุ่มลูกค้าโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะการแปรรูปเนื้อสัตว์และอาหารทะเลตามสเปกลูกค้า เช่น การแล่เป็นชิ้น ขนาด และน้ำหนักเฉพาะ พร้อมบรรจุในแพ็คหลากหลายขนาด เพื่อความสะดวกในการนำไปปรุงอาหารต่อ ซึ่งในปี 2025 วางเป้าขยายฐานลูกค้าไปยังแบรนด์ชั้นนำ เช่น เนื้อแท้, Zen Group, Eat Am Are, MK Suki, Sukishi, Salad Factory และอื่นๆ
ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัทย่อย
- NSL Intertrade : จุดเริ่มต้นการขยายสู่ตลาดส่งออก โดย NSL Foods ถือหุ้นในสัดส่วน 79.99% บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันผลิตภัณฑ์ Own Brand ที่มีศักยภาพสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น การทดลองส่ง “ข้าวแท่งแช่แข็ง” ล็อตแรกไปยังตลาดยุโรปในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ NSL Foods ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับ NSL Intertrade ด้วยการเข้าซื้อเครื่องหมายการค้าและทรัพย์สินที่จำเป็นจากบริษัท N.B. Value Link Co., Ltd. ซึ่งนอกจากจะได้กลุ่มสินค้าน้ำมะพร้าวและผลไม้กระป๋องแล้ว ยังได้ฐานลูกค้าต่างประเทศที่พร้อมนำมาใช้ต่อยอดการส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ของ NSL ไปสู่ตลาดโลกได้ทันที
- NSL Bake A Wish : บริษัทย่อยที่ NSL Foods ถือหุ้นในสัดส่วน 59.99% โดยดำเนินธุรกิจร้านเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “Bake A Wish” ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์และสาขาที่บริษัทบริหารเอง จุดเด่นคือการสร้าง Synergy ที่สำคัญกับผลิตภัณฑ์กลุ่มเบเกอรี่ของ NSL Foods โดย Bake A Wish มีบทบาทในการร่วมพัฒนาสินค้าใหม่กับ NSL Foods เพื่อนำไปวางจำหน่ายผ่านช่องทาง 7-Eleven และโมเดิร์นเทรด ภายใต้แบรนด์ NSL Bakery และ NSL Selection ขณะเดียวกัน NSL Foods ยังทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตสินค้าบางรายการให้กับหน้าร้านของ Bake A Wish ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิตในโรงงานของ NSL ให้สูงขึ้น
- NSL Inno Foods เป็นบริษัทย่อยที่ NSL Foods ถือหุ้น 78.99% มุ่งเน้นด้านนวัตกรรม โดยเริ่มต้นจากการผลิตและจำหน่ายชีส เช่น มอซซาเรลลา เชดดาร์ และชีสสเปรด ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในผลิตภัณฑ์หลักหลายรายการของ NSL การมีโรงงานผลิตชีสของตนเองช่วยให้ NSL สามารถควบคุมต้นทุนและคุณภาพได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจชีสสู่ตลาด B2B และ B2C ในอนาคต
โครงสร้างและการเติบโตของรายได้
โครงสร้างรายได้ตามกลุ่มธุรกิจ (ปี2024)

ภาพแสดงโครงสร้างรายได้ของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- โครงสร้างรายได้ของ NSL Foods ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,865.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 22%
- รายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มเบเกอรี่และอาหารรองท้อง เช่น แซนด์วิชและเบอร์เกอร์ ซึ่งสร้างรายได้ 5,035 ล้านบาท หรือคิดเป็น 85.8% ของรายได้รวม
- สินค้าภายใต้แบรนด์ NSL เติบโตอย่างก้าวกระโดด คิดเป็น 7.6% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 156.2% สะท้อนถึงการเริ่มสร้างฐานรายได้ที่หลากหลายยิ่งขึ้น
- ธุรกิจ Food Service ที่มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มร้านอาหารและโรงแรม มีรายได้ 307.4 ล้านบาท คิดเป็น 5.2% เติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย
- รายได้จากค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์และรายได้อื่น ๆ รวมกันแม้จะยังมีสัดส่วนไม่มาก แต่ก็มีอัตราการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน
การเติบโตของรายได้ ( ปี2020 – ปี2024 )

ภาพการเติบโตทางรายได้ของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- รายได้ของ NSL Foods เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจาก 2,928 ล้านบาทในปี 2020 และเพิ่มขึ้นเป็น 5,866 ล้านบาทในปี 2024 สะท้อนอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่แข็งแกร่งถึง 18.97%
โครงสร้างต้นทุนและการควบคุมต้นทุน
โครงสร้างต้นทุนแบ่งออกตามประเภท

ภาพแสดงโครงสร้างต้นทุนของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- ต้นทุนรวมของ NSL Foods ในปี 2567 อยู่ที่ 5,190.4 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก
- ต้นทุนสินค้าขายเป็นสัดส่วนหลักถึง 89.2% หรือ 4,629.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.4% ตามการเติบโตของยอดขาย
- ต้นทุนในการจัดจำหน่ายอยู่ที่ 387.3 ล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของต้นทุนรวม เพิ่มขึ้น 15.7% จากปีที่ผ่านมา
- ค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 164.4 ล้านบาท หรือ 3.2% ของต้นทุนรวม เพิ่มขึ้นถึง 29.1% ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนในโครงสร้างองค์กรและทรัพยากรเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ
- ต้นทุนทางการเงินลดลงเล็กน้อยเหลือ 8.8 ล้านบาท หรือลดลง 17% จากปีก่อน
- ภาพรวมโครงสร้างต้นทุนแสดงให้เห็นว่า NSL ยังคงควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ยอดขายจะเติบโตสูง โดยเฉพาะการรักษาสัดส่วนต้นทุนสินค้าขายให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ขณะที่ต้นทุนด้านบริหารและจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในระดับที่สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ
การควบคุมต้นทุน ( ปี2020 – ปี2024 )

ภาพแสดงการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- ตลอดช่วงปี 2020 ถึง 2024 ทางบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนสินค้าขาย (COGS) ต่อ ยอดขายที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 83.63% ในปี 2020 เหลือ 78.93% ในปี 2024
- สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เฉลี่ยประมาณ 9–10% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2024 อยู่ที่ 9.41% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า
- โดยสรุปแสดงให้เห็นว่า NSL ไม่เพียงขยายรายได้ได้ดี แต่ยังสามารถรักษาประสิทธิภาพด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทในอนาคต
การเติบโตของกำไรสุทธิและอัตราการทำกำไร

ภาพแสดงการเติบโตด้านกำไรสุทธิและอัตราการทำกำไรของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- ในช่วงปี 2020 ถึง 2024 NSL Foods แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 151 ล้านบาทในปี 2020 เป็น 541 ล้านบาทในปี 2024 หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ถึง 37.58% ซึ่งถือว่ามีการเติบโตโดดเด่นมาก
- อัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 16.2% ในปี 2020 มาอยู่ที่ 20.5% ในปี 2024 ในส่วนอัตรากำไรสุทธิ (%NPM) เพิ่มขึ้นจาก 5.2% เป็น 9.2% ในช่วงเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายและต้นทุนในภาพรวมดังที่ได้กล่าวไปในส่วนก่อนหน้า
การเปลี่ยนแปลงของ ROA, ROE และโครงสร้างหนี้สิน

ภาพแสดงค่า ROA, ROE และหนี้สินของบริษัท | ข้อมูลจาก NSL Foods
- พัฒนาการทางการเงินที่แข็งแกร่งทั้งในด้านความสามารถในการทำกำไรและโครงสร้างเงินทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 9.4% ในปี 2020 เป็น 24.4% ในปี 2024 ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) กลับมาอยู่ในระดับสูงถึง 31.4% ในปีล่าสุด หลังจากเคยแตะจุดสูงสุดที่ 32.6% ในปี 2020 ก่อนจะชะลอลงเล็กน้อยจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และปรับโครงสร้างเงินทุน
- ในด้านความสามารถในการบริหารหนี้สิน NSL ลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อย่างมีนัยสำคัญจาก 2.5 เท่าในปี 2020 เหลือเพียง 0.6 เท่าในปี 2024 และอัตราส่วนหนี้ธนาคารต่อ EBITDA ลดลงจาก 1.9 เท่า เหลือ 0 เท่า แสดงให้เห็นถึงการลดภาระดอกเบี้ยและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การจ่ายเงินปันผล

ภาพแสดงการจ่ายเงินปันผลของบริษัท | ข้อมูลจาก Invesnity
- การจ่ายเงินปันผลต่อหุ้นของ NSL ตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปี 2024 มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2021 บริษัทจ่ายปันผลที่ 0.25 บาทต่อหุ้น ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 0.50 บาทในปี 2022 และเพิ่มเป็น 0.60 บาทในปี 2023 จนถึงจุดสูงสุดที่ 0.70 บาทต่อหุ้นในปี 2024
- สำหรับปี 2025 ซึ่งขณะนี้เพิ่งมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.55 บาทต่อหุ้น และยังเหลือรอบปันผลอีกครั้งในช่วงท้ายของปี ทำให้มีแนวโน้มสูงว่าปันผลรวมทั้งปีจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นที่ผ่านมา สะท้อนถึงฐานะการเงินที่มั่นคงและความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนของ NSL รวมถึงความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
ความเสี่ยง
- ความเสี่ยงสำคัญจากการพึ่งพิงรายได้จากลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียวเป็นสัดส่วนสูง โดยเฉพาะ CPALL (7-Eleven) ซึ่งในช่วงปี 2565–2567 รายได้จากการขายให้ CPALL คิดเป็นถึง 91%, 91% และ 86% ตามลำดับ แม้ NSL จะมีข้อตกลงความร่วมมือที่ต่อเนื่องถึงปี 2574 และมีความสัมพันธ์ระยะยาวที่ดี แต่ก็ไม่มีข้อผูกพันในเรื่องสิทธิ์การผลิตหรือความเป็นผู้ผลิตรายเดียวให้ CPALL โดยเด็ดขาด ซึ่งอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของรายได้หากมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายหรือคู่ค้า
- ความเสี่ยงด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน ขนมขบเคี้ยว และ Food Services ซึ่งมีผู้เล่นจำนวนมากและการแข่งขันค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม NSL มีข้อได้เปรียบเชิงแข่งขันในหลายด้าน เช่น ความสัมพันธ์กับช่องทาง Modern Trade รายใหญ่ และขนาดธุรกิจที่เอื้อต่อการเกิดประสิทธิภาพในการผลิต การจัดซื้อ และการขนส่ง
ข้อจำกัดความรับผิด (Disclaimers):
กดด้านล่างเพื่อดูรายละเอียด ข้อจำกัดความรับผิด:
กรอกอีเมล เพื่อรับข้อมูลข่าวสารจากเรา
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
หุ้นกู้ออกใหม่ลดฮวบ! เดือน มิ.ย. 68 เหลือแค่ 4.85 หมื่นล้านบาท ชี้เศรษฐกิจซึม ผู้ออก “แป้ก” ถึง 8 บริษัท พร้อมเจาะลึก 5 หุ้นกู้โดนลดเครดิต! ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ เดือน มิถุนายน 2568 : Bond Research
ระดมทุนไม่เข้าเป้า มูลค่าตราสารหนี้เสนอขายในเดือน มิถุนายน 2568 ลดลง 42.27% MoM และ 48.60% YoY เหลือ…
-
รายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทย ประจำเดือน พฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลง 0.54%
เงินเฟ้อไทยพลิกติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ และผลกระทบ ต่อดอกเบี้ย สาเหตุที่เงินเฟ้อไ…
-
ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ เดือน พฤษภาคม 2568 : Bond Research
มูลค่าตราสารหนี้เสนอขายในเดือน พฤษภาคม 2568 เพิ่มขึ้น 34.22% MoM และลดลง 52.96% YoY ที่ 8.4 หมื่นล้า…
-
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 1/2025
รายงานตัวเลข GDP ไทยประจำไตรมาส 1Q2568 ขยายตัวต่อเนื่อง 3.1%YoY ประมาณการ GDP ไทยปี 2568 คาดขยายตัว …