Key Highlights:

• หุ้นกู้เดือนกันยายน 2568 มีมูลค่าการออกเสนอขาย 6.45 หมื่นล้านบาท โดยในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% มูลค่าการเสนอขายรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
• เดือนนี้เป็นเดือนแรกในรอบปี 2568 นี้ ที่บริษัทระดมทุน “ครบตามเป้าหมายทุกบริษัท”
• ปรับลดอันดับเครดิต 4 บริษัท ได้แก่ TTCL IVL SQ TTA
• จับตาประชุมผู้ถือหุ้นกู้ SQ
• ตราหนี้เสนอขาย ที่น่าสนใจประจำเดือน ตุลาคม 2568

Figure 1 : New Registered Bonds (THB Billion)

( Source : FynnCorp IAS’s compilation from SEC and ThaiBMA )

หุ้นกู้เดือนกันยายน 2568 มูลค่าเสนอขายทรงตัวแต่ ขายหมดเกลี้ยงทุกบริษัท

• ในเดือนกันยายน 2568 มูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มพลังงาน นำมาโดยบริษัทขนาดใหญ่ อย่าง PTTC มีมูลค่าสูงสุดถึง 2.0 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหารอย่าง TU ที่มีมูลค่า 9 พันล้านบาทเท่ากัน นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของปี 2568 ที่มูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ขายหมดทุกบริษัท
• สัดส่วนของหุ้นกู้ที่ออกใหม่ในเดือนกันยายน ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม Investment Grade (อันดับความน่าเชื่อถือสูง) อยู่ที่ 89.02% ส่วนกลุ่ม Non-Investment Grade (อันดับความน่าเชื่อถือต่ำ) มีสัดส่วน 10.98%

Figure 2 : Maturity Vs. New Registered Bonds (THB Billion)

( Source : FynnCorp IAS’s compilation fr om SEC and ThaiBMA )

Figure 3 : Outstanding Value of Long-term Bond with Maturity

( Source : FynnCorp IAS’s compilation from SEC and ThaiBMA )

สรุปตราสารหนี้เสนอขายในเดือน กันยายน 2568

• หุ้นกู้กลุ่ม Investment grade จำนวน 12 บริษัท (Issue rating) ได้แก่ TU PTTC FPT KTC LOXLEY FTREIT BANPU BAM CENTEL TPIPP BTG JMT มูลค่าประมาณ 5.77 หมื่นล้านบาท
• หุ้นกู้กลุ่ม Non Investment grade จำนวน 6 บริษัท (Issue rating) ได้แก่ RML STELLA ANAN SPALI SENA MQDC มูลค่าประมาณ 7.16 พันล้านบาท

Figure 4 : Company Rating Changes during 2019-9M2025

( Source : FynnCorp IAS’s compilation from SEC and ThaiBMA )

ในเดือน กันยายน 2568 มีตราสารหนี้ถูกปรับลดอันดับเครดิตองค์กร 4 รายได้แก่ TTCL, IVL, SQ, TTA ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2568 มีบริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตองค์กร 34 บริษัท

การปรับอันดับเครดิต หุ้นกู้ (Issue Rating)

ตราสารหนี้ปรับลดอันดับเครดิตองค์กร 4 ราย

• TTCL ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน)
  • จาก “BB+” เป็น “BB-” พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ”
  • การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลขาดทุนจำนวนมากของบริษัทจำนวน 1.8 พันล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งเกิดจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจำนวน 352 ล้านบาท และการตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) อีกจำนวน 1.33 พันล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการที่แล้วเสร็จและยกเลิกไป
• IVL ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
  • จาก “AA-” เป็น “A+” พร้อมเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Stable” หรือ “คงที่” จาก “Negative” หรือ “ลบ”
  • การลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้อัตราส่วน หนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA สูงกว่าเกณฑ์ในการปรับลดอันดับเครดิตที่กำหนดไว้ 3 เท่า แต่จากความไม่แน่นอนของตลาดและความเสี่ยงในการดำเนินการตามแผนลดภาระหนี้ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 3.5-4.5 เท่าในช่วงปี 2569-2570 ซึ่งจะสูงกว่าที่ทริสเรทติ้งเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
• SQ ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สหกลอิควิปเมนท์จำกัด (มหาชน)
  • จาก “BB” เป็น “C” พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ”
  • การปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะที่ใกล้จะผิดนัดชำระหนี้เป็นอย่างมากของบริษัทหลังจากที่ผู้ถือหุ้นกู้มีมติไม่อนุมัติการขอผ่อนผันเหตุผิดนัดชำระหนี้ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของตราสารหนี้ ด้วยข้อจำกัดด้านสภาพคล่องและทางเลือกในการจัดหาเงินทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด บริษัทจึงมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถชำระคืนเงินต้นสำหรับหุ้นกู้ 6 ชุดที่ยังคงค้างอยู่ได้อย่างครบถ้วนภายในระยะเวลาอันสั้น
• TTA ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)
  • จาก “BBB+” เป็น “BBB” พร้อมทั้งคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”
  • การลดอันดับเครดิตเกิดจากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดในธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งรวมถึงแนวโน้มกำไรในอนาคตที่อ่อนแอลง การลดอันดับเครดิตดังกล่าวยังเป็นผลจากนโยบายทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูงของบริษัทซึ่งสะท้อนจากการเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนในระดับสูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีกรอบการลงทุนที่ชัดเจน ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนภาระหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 เท่าในปี 2568 และจะคงอยู่ที่ระดับ 1.7-1.8 เท่าในช่วงปี 2569-2570 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 1.5 เท่า

คัดตราสารหนี้เสนอขายใหม่

• สำหรับตัวอย่าง ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่จะเสนอขาย ในช่วงเดือน ตุลาคม 2568 ได้แก่ TPIPL, KCCH, CPAXT, STELLA, DTP, TRUE, LIT, CPFTH, TISCO, TIDLOR, KUN

สามารถดูข้อมูล อัตราดอกเบี้ย อายุของตราสารหนี้ และเงื่อนไขต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ ThaiBMA

Figure 5 : ตารางดอกเบี้ย และอายุ ตราสารหนี้ออกใหม่ ประจำเดือน ตุลาคม 2568